เชื่อมการพัฒนาด้านในสู่ด้านนอก ได้อย่างไร

เพื่อให้องค์กร เข้าใจการพัฒนาด้านใน และเพื่อให้นักพัฒนาด้านใน เข้าใจองค์กร เราสามารถเรียนรู้ร่วมกันได้ผ่าน ทฤษฎีแห่งการเปลี่ยนแปลง (Theory of Change) คือ กรอบการทำงานที่เกิดขึ้นจากงานวิจัย โดยเริ่มต้นจากสภาพปัญหาในโลกและการค้นพบทางออก ซึ่งนำสู่การเชื่อมโยงเป้าหมายการพัฒนาด้านใน (Inner Development Goals) สู่การเปลี่ยนแปลงองค์กร สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้

 

1. คำแถลงปัญหา (Problem Statement)

คำแถลงปัญหาของ IDG ระบุว่า เรายังไม่สามารถรับมือกับปัญหาเชิงปรับตัว (adaptive problems) ของโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals - SDGs) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เราขาดขีดความสามารถและทักษะด้านใน ทั้งในระดับบุคคลและระดับส่วนรวม ที่จำเป็นต่อการรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนเหล่านี้

ปัญหาส่วนใหญ่ในปัจจุบันเน้นการแก้ปัญหาทางเทคนิคและนโยบายสาธารณะ ซึ่งไม่เพียงพอเมื่อใช้เพียงลำพัง ความท้าทายที่ซับซ้อนเหล่านี้มักจะถูกปฏิบัติราวกับว่าเป็นปัญหาทางเทคนิค ทั้งที่จริงแล้วเป็นปัญหาเชิงปรับตัว ซึ่งต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงในตัวเราเอง เช่น วิธีการทำงานร่วมกัน ค่านิยมที่เรายึดถือ และการที่เราแสดงออกอย่างไร
ตัวอย่างของปัญหาที่เกิดขึ้นจากการขาดศักยภาพด้านใน:
  • การตัดขาดตนเองจากสิ่งแวดล้อม ทำให้การบริโภคเกินกว่าที่โลกจะสร้างทรัพยากรทดแทนได้ (เฉลี่ย 1.5 เท่า)
  • การตัดขาดตนเองจากสังคม ส่งผลให้เกิดช่องว่างทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่ เช่น มหาเศรษฐี 8 คนมีทรัพย์สินรวมกันมากกว่าคนครึ่งโลกที่ยากจน
  • การตัดขาดตนเองจากจิตวิญญาณ ทำให้เกิดสถิติการฆ่าตัวตายสูงถึง 800,000 คนต่อปี หรือเฉลี่ยทุก 40 วินาทีมีคนฆ่าตัวตาย 1 คน ซึ่งมากกว่าการตายจากสงคราม ฆาตกรรม และภัยพิบัติรวมกัน
กัส สเปธ (Gus Speth) ที่ปรึกษาด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหรัฐอเมริกาและศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเยล ได้สะท้อนถึงความท้าทายด้านความยั่งยืนว่า “ฉันเคยคิดว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุดคือการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ การล่มสลายของระบบนิเวศ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฉันคิดว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้หากเรามีความรู้ทางวิทยาศาสตร์ที่ดี ฉันคิดเช่นนี้มาเป็นเวลา 30 ปี แต่ฉันคิดผิด ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่สำคัญที่สุด คือ ความเห็นแก่ตัว ความโลภ และความเฉยเมย และเพื่อจัดการกับสิ่งเหล่านี้ เราต้องมีการเปลี่ยนแปลงทางจิตวิญญาณและวัฒนธรรม”
 

 

2. ผลลัพธ์ที่ทำได้ (Outputs) 

IDG ดำเนินงานเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมใน 6 ด้าน เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนแปลง:

หนึ่ง) การปรับเปลี่ยนเรื่องเล่า (A Narrative Shift Embracing Inner Development)

IDG มุ่งมั่นที่จะสร้าง เรื่องเล่าใหม่ที่น่าจดจำ เข้าใจง่าย และเข้าถึงผู้คนได้ เพื่อช่วยให้พวกเขาเข้าใจและเปิดรับการพัฒนาด้านใน เป้าหมายคือการขจัดอคติและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "การพัฒนาด้านใน" และทำให้ผู้คนเห็นคุณค่าว่าเป็นสิ่งจำเป็น เปลี่ยนความคิดที่ว่าการพัฒนาด้านในเป็น "เรื่องส่วนตัวที่ต้องปิดบัง" หรือเป็น "งานอดิเรกของคนรวย" ให้กลายเป็นการรับรู้ว่านี่คือ องค์ประกอบพื้นฐานของสังคม ที่ทุกคนควรเข้าถึง
 

สอง) การทำให้เข้าใจง่าย การแปล และภาษาสากล (Simplification, Translation & A Global Language)

IDG พยายามทำให้แนวคิดที่ซับซ้อนของการพัฒนาด้านในกลายเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายและเป็นสากล เพื่อให้ผู้คนจากหลากหลายพื้นเพสามารถเข้าถึงและรู้สึกเชื่อมโยงกับแนวคิดนี้ เช่น การสร้าง กรอบแนวคิด IDG (IDG Framework) ที่ประกอบด้วย 5 มิติ 23 ทักษะ เพื่อให้ผู้คนเข้าใจได้ง่ายขึ้น และลดอคติที่มีอยู่
 

สาม) เครือข่ายความร่วมมือในการวิจัย (Research Co-creation Networks)

IDG สนับสนุนการวิจัยโดยการร่วมมือกับนักวิทยาศาสตร์ ผู้ปฏิบัติงาน และผู้เชี่ยวชาญจากทั่วโลก เพื่อพัฒนาและปรับปรุงกรอบแนวคิดให้มีความน่าเชื่อถือและสอดคล้องกับบริบทที่หลากหลาย โดยการรวบรวมข้อมูลจากผู้คนกว่า 1,000 คนในการสร้างกรอบแนวคิด IDG ครั้งแรก และกำลังรวบรวมเสียงจากผู้คนกว่า 20,000 คนในกว่า 100 ประเทศ เพื่อปรับปรุงกรอบแนวคิดให้ทันสมัยอยู่เสมอ
 

สี่) การเรียนรู้เชิงประสบการณ์ ศิลปะ และการสร้างสรรค์ร่วมกัน (Experiential Learning, Art & Co-creation)

IDG เชื่อว่าการพัฒนาด้านในไม่ควรเป็นเรื่องน่าเบื่อ แต่ควรผสมผสานศิลปะและการเรียนรู้เชิงประสบการณ์ เพื่อให้ผู้คนสามารถสัมผัสและแสดงออกถึงการเปลี่ยนแปลงได้อย่างลึกซึ้ง ศิลปะมีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกเสมอมา ด้วยเหตุนี้ การจัดประชุม IDG Summit จึงได้มีการผสมผสานศิลปะเข้ากับเนื้อหาอย่างลงตัว เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและสร้างแรงบันดาลใจ
 

ห้า) การสนับสนุนเพื่อการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและนโยบาย (Advocacy for Structural & Policy Changes)

IDG ทำงานเพื่อรณรงค์และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายและโครงสร้างในภาครัฐและองค์กร เพื่อสนับสนุนการพัฒนาด้านใน เช่น การชี้ให้เห็นว่าในสวีเดน การซื้อหนังสือเกี่ยวกับความเมตตาเสียภาษี 6% แต่การเข้าคอร์สฝึกปฏิบัติกลับเสียภาษี 25% ซึ่งเป็นโครงสร้างที่จูงใจให้คนอ่านมากกว่าปฏิบัติจริง IDG ต้องการสร้างระบบที่เอื้ออำนวยให้คนเข้าถึงการปฏิบัติที่ดีได้ง่ายขึ้น รวมถึงการทำงานกับรัฐบาลต่าง ๆ เช่น คอสตาริกา และสหราชอาณาจักร เพื่อบูรณาการ IDG เข้ากับนโยบายสาธารณะ
 

หก) การสร้างพื้นที่และชุมชน (Field & Community Building)

IDG มุ่งมั่นที่จะเชื่อมโยงชุมชนการพัฒนาด้านในที่แตกแยก เพื่อสร้างภาษาและแนวคิดร่วมกัน รวมถึงการสร้าง Hubs กว่า 800 แห่งทั่วโลก ซึ่งเป็นอาสาสมัครที่ทำงานเพื่อเร่งการพัฒนาด้านใน รวมถึงการนำนักวิทยาศาสตร์ ผู้ปฏิบัติงาน และผู้สนใจมาอยู่ภายใต้ร่มเดียวกันในงานประชุม เพื่อสร้างความสอดคล้องและความเข้าใจร่วมกัน

 

3. ผลลัพธ์ที่ต้องการ (Outcomes) 

IDG กำหนดผลลัพธ์หลัก 4 ประการ ที่จะช่วยให้การนำการพัฒนาด้านในไปใช้ในวงกว้างประสบความสำเร็จ:

หนึ่ง) ความเข้าใจ (Understanding)

การสร้างความเข้าใจและคำนิยามที่กว้างขึ้นเกี่ยวกับการพัฒนาด้านใน รวมถึงการปฏิบัติและเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตการทำงาน โดยเน้นการทำลายอคติและภาพลักษณ์ที่ไม่ถูกต้อง เช่น แก้ไขความเข้าใจผิดที่ว่าการพัฒนาด้านในคือการนั่งสมาธิเพียงอย่างเดียว หรือเป็นเรื่อง "ฮิปปี้" โดยชี้ให้เห็นว่ามีทักษะอื่น ๆ อีก 23 ทักษะ และการทำสมาธิก็ไม่เหมาะสำหรับทุกคน

สอง) การจัดลำดับความสำคัญ (Prioritisation)

เมื่อผู้คนตระหนักถึงคุณค่าของการพัฒนาด้านในมากขึ้น จะนำไปสู่การลงทุนทั้งเวลาและทรัพยากรมากขึ้น ทั้งในระดับบุคคลและองค์กร เช่น การส่งเสริมให้องค์กรและภาครัฐใช้จ่ายงบประมาณที่มีอยู่แล้วอย่างชาญฉลาดในการพัฒนาด้านใน เช่น การสร้างวัฒนธรรมการสะท้อนผล (reflection) หรือการทบทวนหลังการปฏิบัติงาน (after-action reviews) ซึ่งไม่ได้มีค่าใช้จ่ายสูง แต่กลับช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล

สาม) การเชื่อมโยง (Connection)

การสร้างชุมชนการปฏิบัติ (communities of practice) และเครือข่ายสนับสนุนที่ใกล้ชิดกันมากขึ้น เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้อย่างสม่ำเสมอ การสะท้อนผลอย่างมีวิจารณญาณ และการมีส่วนร่วมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เช่น การรวมกลุ่มผู้เชี่ยวชาญจาก "ชนเผ่า" ต่าง ๆ ในวงการการพัฒนาด้านใน (เช่น ผู้ที่เน้นเรื่อง "ความเป็นอยู่" กับนักคิดเชิงระบบ) ให้มาพูดคุยและทำงานร่วมกัน เพื่อสร้างความก้าวหน้า

สี่) การเข้าถึง (Access)

การทำให้แนวปฏิบัติการพัฒนาด้านในมีคุณภาพดีขึ้น เข้าถึงได้ง่ายขึ้น และมีราคาที่สมเหตุสมผล เพื่อเพิ่มการนำไปใช้และการบูรณาการในวงกว้าง ไม่จำกัดเฉพาะกลุ่มชนชั้นนำหรือกลุ่มเฉพาะ เช่น การใช้ประโยชน์จากการปฏิวัติดิจิทัล แอปพลิเคชัน และทรัพยากรออนไลน์ เพื่อทำให้การพัฒนาด้านในเข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับทุกคน เช่น บุคคลในประเทศสงคราม หรือบุคคลในบริบทที่ยากลำบาก

 

4. พันธกิจ (Mission)

พันธกิจของ IDG คือการเป็นขบวนการระดับโลก แบ่งเป็น 2 ข้อ
 

หนึ่ง) สนับสนุนการพัฒนาด้านใน (advocates for inner development)

 

สอง) สนับสนุนให้เกิดการบูรณาการเข้ากับสังคม (enables its integration into society)

 

IDG เชื่อว่าการบูรณาการนี้จำเป็นต้องสร้างภาษาที่เป็นหนึ่งเดียวเกี่ยวกับการพัฒนาด้านใน ซึ่งเข้าถึงกลุ่มคนหลากหลายและก้าวข้ามภาพลักษณ์เดิม ๆ ทำให้การปฏิบัติภายในเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้และเกี่ยวข้องกับทุกคน

 

5. วิสัยทัศน์ (Vision)

วิสัยทัศน์ของ IDG คือ โลกที่การพัฒนาด้านในสามารถปลดล็อกพลังของเรา ในการร่วมกันสร้างอนาคตที่รุ่งเรืองสำหรับผู้คนและโลกใบนี้ เป็นวิสัยทัศน์ที่เน้นว่าการพัฒนาด้านในเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่จะปลดล็อกศักยภาพของเราอย่างไม่สิ้นสุด

 

6. ผลกระทบ (Impact)

ผลกระทบเชิงบวกที่ IDG มุ่งหวังคือ การนำการพัฒนาด้านในไปใช้อย่างแพร่หลาย จะช่วยให้สังคมสามารถรับมือกับปัญหาเชิงปรับตัวได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
 
โดยการฝังรากการเติบโตด้านในเข้ากับกรอบวัฒนธรรมของเรา เราจะเสริมสร้างศักยภาพของบุคคลและชุมชนในการแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนร่วมกัน ซึ่งจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายและเป็นระบบในที่สุด ผลลัพธ์นี้จะช่วยให้ การพัฒนาที่ยั่งยืนและความเจริญงอกงามของมนุษย์เป็นจริงได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
Run Wisdom Soft Skills Trainer, Contemplative Facilitator, and Certified Strengths Coach
Since:
Update:

Read : 115 times